ปุ๋ยโล่เขียว
ยังมีส่วนช่วยในการขนส่งน้ำและอาหารในท่อน้ำ ท่ออาหารของพืชและการใช้โฟโตแอสซิมิเลต (photoassimilate) การช่วยกระตุ้นให้พืชสร้างเอนไซม์และการสังเคราะห์โปรตีนที่สำคัญ ซึ่งมีงานวิจัยจากวารสาร Frontiers in Plant Science ในปี 2022 ที่ผ่านมา ระบุว่าธาตุแมกนีเซียม ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับปุ๋ยโล่เขียว ช่วยให้ผลผลิตสูงขึ้นแม้ในสภาวะที่ดินเป็นกรด อีกทั้งยังพบว่า ธาตุ Mg เป็นสาระสำคัญมากที่ทำให้พืชมีผลผลิตที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับพืชที่ขาดธาตุดังกล่าว
ผลจากหลายแง่มุมของการแนะนำพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงที่ตอบสนองต่อปุ๋ย การปลูกพืชแบบเข้มข้นโดยไม่เติม Mg ความเป็นกรดของดินและการชะล้าง Mg (Ex-Mg) ที่แลกเปลี่ยนได้ Mg กลายเป็นสารอาหารที่จำกัดสำหรับการผลิตพืชผลที่เหมาะสมที่สุด ถึงแม้ว่าปุ๋ยโล่เขียว มีคุณสมบัติด้านการช่วยการเจริญเติบโตของพืช แต่อย่างไรก็ดีทั้งธาตุ Mg และ Zn (จริงๆ เรามีส่วนผสมอื่นๆ ที่เป็นสูตรของเราเอง) มีส่วนช่วยให้ผนังเซลล์พืชหนาแข็งแรง ช่วยให้พืชกินธาตุอาหารในดินรวมทั้งการใส่ปุ๋ย NPK ได้ดีกว่าปกติทำให้ประหยัดปุ๋ยเนื่องจากใช้ปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญในพืชตะกูลข้าว การใช้โล่เขียวจะทำให้ต้นข้าวทนต่อปุ๋ย 46-0-0 ได้ผลดีขึ้น คือ เมื่อใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนมากจะทำให้ข้าวโตเร็ว ส่งผลต่อผนังเซลล์ที่บางโดยฉับพลัน ช่วงนี้จะทำให้ข้าว ผักใบเขียว เกิดโรคหรือแมลงชอบลงได้ง่าย การใช้ปุ๋ยโล่เขียวจะทำให้พืชสะสมธาตุอาหารที่เอาไว้สร้างผนังเซลล์ได้อย่างสมดุล ทำให้พืชทนโรคไม่ล้มง่าย (ในข้าว ต้นจะแข็ง) สำหรับสังกะสี (Zn) ช่วยเรื่องการปรับตัวของพืชในสภาพวะกดดัน เช่นน้ำท่วม ร้อนจัด และที่สำคัญฝนตกหนักหรืออากาศหนาว โดยมีงานวิจัยที่พบว่า ธาตุอาหารทั้งสองชนิดนี้มีผลต่อพืชที่มีฝนตกชุก ซึ่งนั่นไปสอดคล้องกับภาคใต้ของไทยที่มีฝนตกมากและร้อนชื้นสลับกับการเกิดฝนตก

จุดเด่นของปุ๋ยโล่เขียว
1. ช่วยให้ผนังเซลล์ของพืช (cell wall) มีความแข็งแรงมากขึ้นในสภาวะขาดน้ำ
เนื่องจากมีธาตุแมกนีเซียม ที่ไปส่งเสริมการสร้างผนังเซลล์ของพืชให้แข็งแรง เมื่อผนังเซลล์แข็งแรงจะทำให้ทนทานต่อการเจาะเข้าของเชื้อโรค รวมทั้งพบว่าช่วยให้พืชทนทานต่อการขาดน้ำในที่ดินทรายได้ดี จึงทำให้ปุ๋ยโล่เขียวช่วยเพิ่มผลผลิตในพื้นที่ร้อน ขาดน้ำได้ แต่ในทางกลับกัน ในสภาวะน้ำท่วม หากพืชมีผนังเซลล์ที่แข็งแรง พบว่าจะทำให้ระบบรากและลำต้นแช่น้ำได้นานขึ้น ทนต่อน้ำท่วมได้มากขึ้นกว่าปกติ
2. ช่วยเพิ่มผลผลิต เพราะการสังเคราะห์แสงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นที่ทราบกันดีว่า สารคลอโรฟิลล์ เป็นสาระสำคัญในการสังเคราะห์แสง การใช้ปุ๋ยโล่เขียวจะช่วยส่งเสริมให้มีสารคลอโรฟิลล์ที่เข้มข้นมากขึ้นในใบพืช ทำให้ใบเขียวเข้ม
3. ช่วยให้พืชทนต่อโรคได้ดีขึ้น นับเป็นประโยชน์ทางอ้อม เมื่อพืชมีผนังเซลล์และความสมบูรณ์ของต้น จะทำให้ทนทานต่อโรค รวมทั้งตอบสนองต่อการป้องกันโรคได้ดีกว่าพืชที่มีผนังเซลล์อ่อนแอ
4. พืชทนทานต่อสภาพอากาศที่ผิดปกติ คือ ทนต่อความชื้นได้ดีขึ้น ทนทานต่ออากาศร้อน รวมทั้งฝนและหนาว เรียกได้ว่าใช้ปุ๋ยโล่เขียวจะช่วยส่งเสริมให้พืชปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าปกติ
อัตราส่วนการใช้โล่เขียว ในพืชชนิดต่างๆ
