ทำไมไฟฟ้าถึงมีความสำคัญในการทำเกษตร ?

ไฟเกษตร คือ การนำไฟฟ้ามาใช้ภายในสวนของ #เกษตรกร เพื่อทำการเพาะปลูก เช่น ใช้กับเครื่องสูบน้ำ หลอดไฟต่างๆ เป็นต้น

วิธีการขอไฟฟ้าลงพื้นที่ทางการเกษตร มี 3 ขั้นตอนดังนี้

1.ขอบ้านเลขที่


การขอไฟฟ้ามาลงที่บ้านของเราที่อยู่ในไร่นั้น จำเป็นที่จะต้องมีบ้านเลขที่ในการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า ในการขอบ้านเลขที่นั้น ถ้าเป็นพื้นที่ห่างไกลหมู่บ้าน เราจำเป็นที่จะต้องสร้างเพิงที่พักหรือทำเป็นบ้านถาวรเลยก็ได้ และสิ่งต่อไปที่จะต้องสร้างควบคู่กันกับบ้านนั้นก็คือ ห้องน้ำ เพราะการมีห้องน้ำจะเปรียบเสมือนว่าเราจะมาอยู่ถาวร (ถึงแม้ว่ายังไม่ได้อยู่ถาวรตอนนี้เลยก็ตาม) ฉะนั้นห้องน้ำจึงมีความจำเป็นมากสำหรับใช้ประกอบหลักฐานในการขอบ้านเลขที่
หลังจากที่มีบ้านพัก เพิงที่พัก เราจะต้องถ่ายรูปที่พักและห้องน้ำไปให้อนามัยในพื้นที่มาตรวจพร้อมกับเซ็นเอกสารรับรองการเป็นอยู่ที่ถูกสุขลักษณะ จากนั้นก็นำหนังสือไปยื่นกับผู้ใหญ่บ้านหรือผู้รับผิดชอบในการขอบ้านเลขที่ต่อไป จากนั้นให้นำหนังสือรับรองจากผู้ใหญ่บ้านไปยื่นต่อที่อำเภอ เพื่อ #ลงทะเบียน ขอสำเนาทะเบียนบ้าน ตอนนี้เราก็จะมีสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมบ้านเลขที่เรียบร้อยแล้ว

ข้อควรรู้ !
ในการขอไฟเกษตรต้องดูแนวโน้มด้วยในพื้นที่ด้วยว่าจะมีไฟฟ้าเข้ามาด้วยหรือไม่ และต้องมีบ้านอยู่ในโซนเดียวกันตั้งแต่ 3 หลังขึ้นไป เพื่อขอไฟฟ้า ย้ำอีกครั้ง ว่า 3 หลังขึ้นไปถึงจะมีน้ำหนักในการขอไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ห่างไกลชุมชน แต่ถ้าในพื้นที่มีบ้านหลังเดียวก็สามารถขอไฟฟ้าพิเศษได้ แต่ค่าไฟจะสูงกว่าปกติ

2.ยื่นเรื่องกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น


นำเรื่องไปยื่นกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ของแต่ละท่าน อาจเป็น อบต. หรือเทศบาลก็แล้วแต่ว่าพื้นที่ของเราอยู่ในเขตไหน เจ้าหน้าที่ก็จะให้กรอกเอกสารเพื่อรับรองโดยแนบสำเนาทะเบียนบ้านของเราและเพื่อนบ้านไปพร้อมกัน

 

3.ยื่นเรื่องที่การไฟฟ้าในอำเภอของตนเอง

หลังจากที่ยื่นเรื่องที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว ก็นำเอกสารไปยื่นไว้ที่การไฟฟ้าในอำเภอของเรา แล้วกรอกเอกสารให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นการยื่นเรื่องไว้รอ และอย่าลืมถามความเป็นไปได้ในการที่จะได้ไฟฟ้าเข้าในพื้นที่ด้วย แนะนำให้รวมกลุ่มกันมากๆ 3 หลัง 5 หลังหรือมากกว่า จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น

โดยมีหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการ มีดังนี้

  • ได้รับการรองรับจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่หวงห้ามใดๆ ของทางราชการ
  • ต้องมีเส้นทางสาธารณะที่รถยนต์สามารถวิ่งผ่านได้อย่างสะดวก
  • สามารถดำเนินการก่อสร้างระบบจำหน่ายโดยวิธีปักเสาพาดสายเข้าไปถึงจุดที่ขอใช้ไฟฟ้าได้
  • ได้รับการรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ เพื่อยืนยันขนาดพื้นที่และชนิดของกิจกรรมการผลิตทางการเกษตรที่ต้องการใช้ไฟฟ้า
  • ต้องระบุแหล่งน้ำที่จะใช้เพื่อ #การผลิตทางการเกษตร ในพื้นที่ที่ขอใช้ไฟฟ้า เช่น คลองสาธารณะ คลองชลประทาน แหล่งน้ำใต้ดินในลักษณะต่างๆ
  • ต้องมีเอกสาร / หลักฐานสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินหรือหนังสือสัญญาเช่าที่ดินทำกินที่ถูกต้องตามกฎหมายของ #พื้นที่ทำการเพาะปลูก แต่ต้องไม่ใช่ที่ดินที่ถือครองโดยเอกชนรายใหญ่
  • เป็นเกษตรกรรายย่อยที่ขอติดตั้งมิเตอร์ ขนาดไม่เกิน 15 (45) แอมป์ต่อ 1 ราย
  • ต้องสามารถออกใบแจ้งหนี้ค่ากระแสไฟฟ้า มิเตอร์เครื่องที่ 2 (ใหม่) โดยจะแจ้งเก็บเงินไปที่มิเตอร์เครื่องที่ 1 (เก่า) ทั้งสองมิเตอร์จะต้องอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของการไฟฟ้าเดียวกัน
  • ค่าใช้จ่ายในการขยายเขตต่อราย เฉลี่ยไม่เกิน 50,000 บาท (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการขยายเขต)

 

เอกสารที่ต้องเตรียมดังนี้

1.ใบรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานราชการ
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาโฉนดที่ดิน
4.สำเนาบัตรประชาชน

ค่าธรรมเนียมในการยื่นขอมิเตอร์ไฟฟ้า

-1,000 บาท / 5(15) แอมป์
-6,450 บาท / 15(45) แอมป์ 1 เฟส
-21,350 บาท / 15(45) แอมป์ 3 เฟส